. ก ลั ว . . . . . . . .
ความกลัว??
ผมกลัวที่จะเผชิญในสิ่งนั้น..
แต่อีกมุมหนึ่งผมกลับชอบ
และมันคอยกระตุ้นให้ผมจ้องจะท้าทายมันอยู่ร่ำไป..
+++
ผมจำไม่ได้ว่าไอ้ความรู้สึกนี้มันก่อเกิดกับตัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่..
แต่พักหลัง ๆ ผมมักจะฝันในภาพซ้ำ ๆ บ่อยครั้ง..
ภาพในฝันเป็นร่างของผมลอยละลิ่วตกสู่พื้นจากตึกสูงนับร้อยชั้น..
โดยไม่สามารถควบคุมหรืออยุดเหตุการณ์นั้นได้..
ในฝัน... เยี่ยวผมแทบเล็ดปริดออกมาเมื่อรู้ว่าในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าร่างผมจะถูกบดอัดเละกองกับพื้นถนนข้างล่าง
ความกลัวสุดขีดที่เห็นพื้นข้างล่างซูมเข้ามาเป็นระยะอย่างรวดเร็ว
ความเสียวแปลบปลาบผสมกอปรให้ความกลัวในจิตใจมากยิ่งขึ้นไปอีก..
ผมร้องเสียงโหยหวลแข่งกับเวลาที่กระชั้นชิด...
ในชั่วระยะไม่กี่เมตรก่อนหน้าผมจะกระแทกลงพื้น
ผมก็เป็นอันต้องสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมเสียงดังที่ร้องลั่น..
.... อ๊ากกกกกกกกกก !!!!.....
.....
ผมผุดลุกขึ้นนั่นกลางเตียงท่ามกลางตอนดึกสงัด
----
เหงื่อผมผุดเม็ดประปรายขึ้นทั่วหน้า..
หัวใจผมเต้นตึกเสียงระรัวลั่น..
มือผมสั่นกึกระริก..
กายผมเย็นเฉียบทั่วร่าง...
แต่..
ริมฝีปากผมกลับหยักขึ้นนิด ๆ...
.....
ผมยิ้ม???
ใช่แล้ว ผมยิ้มออกมาได้จากฝันอันน่าสะพรึงกลัวนี้ ..
ผมรู้...
ว่ามันไม่ใช่ยิ้มจากความปีติที่ผมรู้ว่ามันเป็นแค่ความฝัน..
มันไม่ใช่ยิ้มจากการที่ผมได้รู้สึกว่ารอด..
แต่มันเป็นยิ้มเพราะความชอบ..
ชอบที่จะได้ลิ้มรสความรู้สึกอันบอกไม่ถูก...
นี้.
จริง ๆ ..
.....
ความฝันนั้นมักมาซ้ำ ๆ จนผมรู้ัสึกถึงชาชิน...
จนพักหลัง ๆ ผมชักแอนตี้ความฝัน และไม่ให้ซึ่งถึงความตื่นเต้นดังเก่า..
มันเหมือนแค่สิ่งทดแทน ...
ที่ไม่มีวันเป็นจริงได้เลย..
สองสามวันที่ผ่านมา ผมชักเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทุกครั้งที่ผมบิดมอเตอร์ไซค์บนท้องถนน ผมมักนึกไปถึงภาพผมขี่รถมอเตอร์ไซค์ผมพุ่งเข้าอัดท้ายรถสิบล้อข้างหน้า..
ในภาพความนึกคิดมันก่อเกิดเป็นตัวรูปร่างได้ชัดเจนมาก ..
รถมอเตอร์ไซค์คันที่ผมคร่อมอยู่ อัดกับท้ายสิบล้ออย่างเต็มเหนี่ยว.. เศษหน้ากากรถที่ถูกบดอักขยี้กับโครงเหล็กท้ายสิบล้อบิแตกออก กระจกหน้ารถแตกกระจายลอยไปทั่วบริเวณ..
ล้อรถค่อย ๆ โค้งงอคดตัวไปข้างหน้าตามแรงอัด ร่างของผมลอยละลิ่วหมุนคว้างไปกลางอากาศ ก่อนจะถลาลงมาเอาหน้าครืดกับพื้นถนน
ผิวหนังกำพร้าเสียดสีกับยางมะตอยจนหลุดลอกออก..เศษเนื้อหนังตามร่างกายราวถูกฉีกกระชากจากมฤตยูที่จ้องคร่า... เสียงเบรครถยนต์และเสียงแตรดังลั่นสนั่นไปทั่ว..
ก่อนล้อรถอีกคันที่ตามหลังมาจะเหยียบเข้าตรงหัวผมได้อย่างพอดิบพอดี..
..
. . . . แ ป๊ น น น น น !!! . . . . .
....
เสียงแตรดังสนั่นข้างหน้าชักผมจากภวังค์ ผมรัีบหักหลบรถที่สวนมาข้างหน้าตามสัญชาติญาณ... เสียงเบรคเอี๊ยดอ๊าดดังลั่น ก่อนเสียงสบถจะด่าไล่ตามหลัง...
นี่เป็นแค่ตัวอย่างของอีกวัน ที่ผมเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นด้าย ..
แต่ทุกครั้งที่รอดมา ผมมักเนื้อตัวเต้นระริกด้วยความเปี่ยมสุขที่ใกล้เฉียดควา่มรู้สึกนี้..
ผมชักรู้สึกชอบมันเข้าไปทุกที ถลำเข้าหาความรู้สึกยากจะพรรณณานี้ทุกขณะ
นี่ผม..
. .ผ ม จ ะ ท ำ ยั ง ไ ง ดี ..
-------
เมื่อเช้า..
ผมเห็นเด็กช่างกลสามสี่คนถือไม้ทีด้ามยาวยืนรอรถเมล์ที่ใต้สะพานลอยแห่งหนึ่ง.. ด้วยอารมณ์ที่รู้สึกพลุกพล่านเมื่อรู้ว่ามีตัวต้นก่อเกิดอารมณ์อยู่ใกล้ ๆ
ผมเดินเฉียดเข้าไปใกล้พวกเด็กช่างกลนั้น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่สนใจสังเกตผมเท่าไหร่นัก.. แต่ในชั่วขณะความรู้สึกนั้นผมคิดไปถึงการที่หากผมยกกระเป๋าเอกสารในมือฟาดเปรี้ยงเข้าตรงหัวของเด็กช่างกลคนหนึ่งจนมันเซถลาล้มหัวคะมำไปข้างหน้า..
..อีกสามคนที่เหลือมันจะต้อง กรูกันเข้ามายกไม้ในมือฟาดกระหน่ำใส่ผมอย่างแน่นอน..
..ในภาพ...
หน้าของผมจะต้องโชกชุ่มไปด้วยเลือด ดั้งจมูกแตกยุบจากเด็กคนหนึ่งต่อยเปรี้ยงเข้ามาอย่างจัง เลือดรสเค็มปร่าจะกลบไปทั่วปาก .. เด็กอีกคนจะใช้ไม้ทีในมือฟาดจนหัวคิ้วข้างซ้ายผมแตกเป็นทางยาว..
ก่อนที่ผมจะรู้สึกปวดจี๊ดที่ทรวงอกเมื่อเห็นมีดสั้นขาว ๆ เล่มนึงค่อย ๆ ดันตัวจมมิดเข้ามาที่ลิ้นปี่...
เลือดจะแดงย้อมฉานทั่วเสื้อของผม.. ตรงปากแผลจะทะลักปริ่ม ๆ ออกเป็นลิ่ม ปากผมจะกลบด้วยน้ำลายผสมเลือดเป็นฟองฟอด..
อ๊า......
เหงื่อกาฬผมไหลชุ่ม ใบหน้าผมยิ้มด้วยใจที่เปี่ยมสุข ร่างกายอยู่เหนือสมองการสั่งการ ผมเดินเข้าจ้องหน้าเด็กพวกนั้นด้วยสายตาเขม็ง แต่ปากผมกลับเผยอหัวเราะเหอ ๆ เบา ๆ.. กระเป๋าเอกสารในมือถูกจับตั้งมั่น ผมเลือกเหลี่ยมกระเป๋าด้านที่คิดว่าคมที่สุด ฟาดเปรี้ยงเข้าตรงจุดหมายด้านหน้า..
. . ผ ม คิ ด ไ ป อี ก แ ล ้ ว . .
---
โดยคุณ : เหว่ยกัง